อาการ
หลังได้รับเชื้อ 3-4 วัน จะมีอาการไข้สูงแบบเฉียบพลัน ตัวหนาวสั่น ปวดศีรษะรุนแรง
ปวดท้องและ
ปวดแขน
ขา คลื่นไส้ อาเจียน คอแข็ง ชัก กระตุกหลังแอ่นและปวดหลัง ความดันโลหิตต่ำ
อาจมีผื่นเลือดออกหรือจ้ำตามตัวขนาดใหญ่สีม่วงเข้ม (ผื่นหายไปเองภายใน 3-4 วัน)
มีจุดเลือดออกที่ตาและเยื่อจมูก มีอาการเพ้อคลั่ง
จนถึงหมดสติโดยที่ยังตัวร้อนเป็นไข้
·
อาการที่พบในเด็ก คือ ไข้สูง อาเจียน ไม่ดูดนม เด็กจะซึมเซา
ปลุกไม่ตื่น มีผื่นเลือดออกตามตัวและแขน ขา ผิวซีด
·
อาการที่พบในเด็กวัยรุ่น คือ ไข้สูง อาเจียน ปวดศีรษะ คอแข็ง
อาจมีหลังแอ่น ซึมอง มีผื่นเลือดออกตามแขนขา ทนแสงสว่างจ้าไม่ได้
·
อาการหากมีโลหิตเป็นพิษ คือ ไข้สูง หมดสติ ความดันเลือดต่ำ
มีผื่นเลือดออกตามตัว
สาเหตุ
เกิดจากติดเชื้อแบคทีเรียไนซ์ซีเรีย เมนิงไจทิดิส ติดต่อกันทางไอ จามรดกัน
ทางน้ำลาย ทางเสมหะ เชื้อเข้าสู่น้ำเหลือง กระแสเลือด กระจายสู่อวัยวะต่างๆ ปอด
หัวใจ เยื่อหุ้มสมอง ตามข้อกระดูก หู ตา ผิวหนัง เป็นโรคที่พบไม่บ่อย
แต่อันตรายร้ายแรงถึงเสียชีวิตค่อนข้างมาก
แม้ว่าจะให้การรักษาอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม ส่วนในรายที่เป็นเรื้อรังจะมีอาการปวดตามข้อนานนับเดือน
อย่างไรก็ตาม ในผู้ที่แข็งแรงพบว่ามีร้อยละ 20
ที่ติดเชื้อชนิดนี้โดยไม่มีอาการป่วยเลย
ลักษณะของการติดเชื้อมีหลายแบบ
คือ
- ·
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ อัตราการเสียชีวิตร้อยละ 3
ในรายที่มีการอักเสบลุกลามลงมาตามไขสันหลังก็จะมีอาการตัวเกร็ง หลังแอ่น
คล้ายกับโรคบาดทะยัก จึงเป็นที่มาของคำว่า "หลังแอ่น"
- ·
โลหิตเป็นพิษ อัตราการเสียชีวิตร้อยละ 50
เมื่อติดเชื้อไปทางหายใจแล้วจะมีการเพิ่มจำนวนในลำคอ
ในบางรายเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดเกิดโลหิตเป็นพิษ จากนั้นไปยังเยื่อหุ้มสมอง ทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
ภาวะแทรกซ้อนที่พบ คือ หูหนวก พบได้ร้อยละ 10 บางรายเกิดโรคลมชัก
บางรายเป็นข้ออักเสบ พบได้บ่อยมักเป็นหลายๆ ข้อ และบางรายเป็นปอดอักเสบ
โรคนี้พบมากในเด็กเล็ก เด็กวัยเรียน วัยหนุ่มสาว และคนที่มีภูมิต้านทานต่ำ
ซึ่งจะมีอาการรุนแรงและรวดเร็ว
หลังติดเชื้อจะมีเลือดมาหล่อเลี้ยงที่ปลายหลอดเลือดเป็นจำนวนนมาก ร้อยละ 75
ของผู้ป่วยจะมีผื่นเลือดออกตามผิวหนัง
ในรายที่รุนแรงจะมีเลือดออกในลำไส้และต่อมหมวกไต
รวมทั้งภาวะที่เลือดจับตัวกันเป็นลิ่มทั่วร่างกาย จนเกิดอาการช็อกและเสียชีวิตใน
2-3 วัน
โรคนี้พบมีการระบาดทั่วไปในประเทศแถบตะวันออกกลาง
อย่างเช่น ซาอุดิอารเบีย และทวีปอัฟริกา อเมริกา และในประเทศแถบเอเชีย เช่น พม่า
กัมพูชา เวียดนาม เป็นต้น ในประเทศไทยมีรายงานพบโรคนี้ประปรายทุกปี
โดยมีการระบาดในนักโทษและเสียชีวิต 1-2 ราย
การรักษา
เมื่อมีอาการน่าสงสัย ไม่ต้องรอให้ผื่นขึ้น ให้รีบนำส่งโรงพยาบาล
แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกาย และให้
- ·
ตรวจเลือด (CBC)
พบว่าจำนวนเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น จำนวนเกล็ดเลือดลดลง
- ·
เพาะเชื้อจากเลือด จากน้ำไขสันหลัง หรือจากผิวหนัง
- ·
การตรวจน้ำไขสันหลัง จะพบเซลล์ในน้ำไขสันหลังสูง
ในรายที่รุนแรงจะต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
ฉีดยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อ เช่น เพนนิซิลลิน อีริโทรมัยซิน ไรแพมซิน เป็นต้น
และรักษาตามอาการ
ผู้ป่วยที่หายจากโรคยังคงมีอาการของประสาทที่ถูกทำลายไประหว่างรักษาวันแรกต้องแยกออกจากผู้ป่วยคนอื่นเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
การป้องกัน
ในผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยโรคนี้จะได้รับยาป้องกัน เป็นยาปฏิชีวนะสำหรับผู้สัมผัสโรค
คนที่มีเชื้อในปริมาณไม่มาก
ไม่แสดงอาการป่วยซึ่งกลายเป็นพาหะนำเชื้อโรคนี้สู่คน
พบว่านอกจากเด็กแล้วคนที่ควรระวังคือ ผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่น เป็นโรคเอดส์
โรคแพ้ภูมิตนเอง เป็นต้น ซึ่งควรระวังในการใช้สิ่งของ เช่น แก้วน้ำ ช้อน
จานร่วมกับคนอื่น เป็นต้น
สำหรับการฉีดวัคซีนป้องกันนั้นใช้ได้กับบางสายพันธุ์เท่านั้น
จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าในท้องที่ซึ่งจะไปนั้นมีเชื้อสายพันธุ์ใดระบาดอยู่ เช่น
การไปประเทศตะวันออกกลางและมีวัคซีนสายพันธุ์ในท้องถิ่นนั้นป้องกันหรือไม่
ปกติแล้วหลังฉีดจะมีภูมิคุ้มกันอยู่ไม่เกิน 3 ปี ภูมิคุ้มกันจะเริ่มขึ้นในวันที่
7-10 วัน
อ่านต่อ..