โรคไข้มาลาเรีย

อาการ หลังติดเชื้อจากยุงก้นปล่อง (อาศัยอยู่ในป่าเท่านั้น) ประมาณ 14 วัน จะเริ่มมีไข้เล็กน้อยอยู่ 2-3 วัน
เบื่ออาหาร อาจมีอาเจียน ง่วง ปวดกระดูก ปวดศีรษะ ต่อมาจึงมีไข้สูง หนาวสั่น เรียกว่า มีอาการจับสั่น บางรายมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ชีพจรเต้นเร็ว หน้าแดง อาจถึงกับเพ้อไข้ เป็นระยะที่มีเม็ดเลือดแดงแตก อาจจะนานถึง 2 ชั่วโมง เมื่อไข้สูงเริ่มลดลงจะมีเหงื่อออก กระหายน้ำ ความร้อนลดลง อาการต่างๆ ทุเลาลงเป็นปกติ จากนั้นก็จะเริ่มจับไข้หนาวสั่นอีกทุก 48 ชั่วโมง หรือทุก 72 ชั่วโมง แล้วแต่สายพันธุ์ของเชื้อ มาลาเรียทุกชนิด มีอาการ 3 ระยะ เหมือนกัน คือ อาการนำ อาการไข้อาการพัก
1.อาการนำ หลังจากที่คนได้รับเชื้อไข้มาลาเรีย จะเกิดอาการครั่นเนื้อ ครั่นตัวคล้ายไข้หวัด ปวดหัว ปวดเมื่อย เป็นอยู่นาน 2-3 วัน ต่อมาจะเข้าสู่อาการไข้
2.อาการไข้ แบ่งออกเป็น 3 ระยะคือ
  • ระยะหนาว จะมีอาการหนาวสั่นสะท้่าน ห่มผ้าไม่หายหนาว ตัวเย็น ชีพจรเต้นเร็ว มีอาการเกร็ง ปัสสาวะบ่อย อุณหภูมิค่อยๆ สูงขึ้นระยะนี้จะใช้เวลา 15-60 นาที เป็นระยะการแตกของเม็ดเลือดแดงที่มีเชื้อมาลาเรีย
  • ระยะร้อน ผู้ป่วยจะมีไข้สูงถึง 40 องศาเซลเซียส ตัวร้อน ลมหายใจร้อน หน้าแดง ปากซีด และกระหายน้ำ ชีพจรเต้นเร็วและแรง ปวดศีรษะลึกเข้าไปในกระบอกตา ระยะนี้ใช้เวลา 1-3 ชั่วโมง
  • ระยะเหงื่อออก เมื่อสร่างไข้ ไข้ลดลง ผู้ป่วยจะมีเหงื่อออก และเข้าสู่ภาวะปกติระยะเหงื่อออก ใช้เวลา 2-4
3.อาการพัก ผู้ป่วยจะมีอาการเหมือนคนปกติ แล้วจะค่อยๆ เกิดระยะหนาวสั่นจับไข้ใหม่ โดยอาจเกิดทุกวัน วันเว้นวัน หรือวันเว้น 2 วัน ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อ
สาเหตุ เกิดจากติดเชื้อโปรโตซัวมาลาเรีย ซึ่งมีอยู่ 4 ชนิดด้วยกัน มียุงก้นปล่องเป็นพาหะนำเชื้อมาสู่คน ยุงชนิดนี้อาศัยอยู่แต่ในป่าเท่านั้น ไม่ได้อยู่ในเมืองหรือทุ่งนาแต่อย่างใด จึงมักพบโรคไข้ป่ากับคนที่เข้าป่ามาก่อน โรคมาลาเรีย เรียกอีกชื่อว่า ไข้จับสั่น ไข้ป่า และมีอีกหลายๆ ชื่อตามท้องถิ่นที่ใช้เรียก ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น มาลาเรียขึ้นสมอง ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เหลืองซีด ปัสสาวะดำ ไตล้มเหลว ปอดบวมน้ำ ซึ่งภาวะเหล่านี้สามารถทำให้ผู้ป่วยเสียชีิวิตได้
  • ถ้ามีมาลาเรียลงตับ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการตาเหลือง ตัวเหลือง
  • หากมาลาเรียลงไตจะทำให้ไตไม่ทำงาน
  • ถ้าเชื้อมาลาเรียขึ้นสมอง ทำให้สมองอักเสบ
ชนิด ไวแวกซ์ และ มาเลริอี มีอาการแทรกซ้อนน้อยมาก แต่เชื้อนี้มักจะก่อให้เกิดอาการเรื้อรัง
ชนิด ฟาลซิพารัม มักจะมีอาการไข้ขึ้นสมอง เชื้อลงตับ มีอาการบวมน้ำ ไตวาย และช็อก เชื้อชนิดนี้พบได้บ่อยมากในประเทศไทย
การรักษา 
ควรไปพบแพทย์ตั้งแต่เริ่มมีอาการไข้จับจนหนาวสั่น จนสงสัยว่าจะเป็นไข้มาลาเรีย โดยเฉพาะหากมีประวัติเข้าป่ามาก่อน แต่หากไม่เคยเข้าป่า แทบจะไม่ต้องนึกถึงไข้มาลาเรียเลย การวินิจฉัยแพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกายและให้ตรวจหาเชื้อมาลาเรียในเลือด หากมีจริงต้องรับประทานยาฆ่าเชื้อ อย่างเช่น คลอโรควิน ไพรมาควิน เป็นเวลานาน ผู้ป่วยควรทานยาตามอย่างเคร่งครัด เพราะพบว่าเมื่อทานยาไม่ครบทำใ้ห้เชื้อดื้อยาได้ง่าย ปัจจุบันนี้เชื้อดื้อยามาก
การป้องกัน 
เมื่อต้องเข้าไปในป่าที่มียุงก้นปล่องอาศัยอยู่ ควรป้องกันไม่ให้ยุงกัด สวมเสื้อผ้ามิดชิด ทายากันยุงที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในปัจจุบันคือ ที่มีตัวยาชื่อย่อว่า DEET ซึ่งปกติป้องกันได้ 4-8 ขึ้นอยู่กับส่วนผสมของยากันยุง และขึ้นอยู่กับสภาพลม ถ้าลมแรงจะป้องกันได้ไม่นาน เนื่องจากยาระเหยออกไปได้เร็วขึ้น เวลานอนให้กางมุ้ง สำหรับการทานยาป้องกันก่อนเข้าป่านั้น ไม่ควรทำ เนื่องจากพบว่ายุงมีการดื้อยา และยาจะไปกลบอาการป่วยไม่ให้แสดงออกมาชัดเจน ทำให้ยากต่อการวินิจฉัย